เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2567 ณ โรงแรมปิคนิค บางกอก กรุงเทพมหานคร
สภากรรมกรแห่งชาติ ได้จัดงานวันแรงงานแห่งชาติและวันกรรมกรสากล 2567 “ร่วมกันสร้างสรรค์ประชาธิปไตย”
โดยมีผู้แทนพรรคการเมือง ผู้แทนกลุ่มการเมือง และผู้ใช้แรงงาน กล่าวสดุดีการต่อสู้
ของพี่น้องกรรมกรไทยและกรรมกรทั่วโลก ดังคำขวัญของกรรมกร “กรรมกร ทั้งหลายสามัคคีกันต่อสู้” ดังคำขวัญของสภากรรมกรแห่งชาติ “กรรมกร นายทุน สามัคคีสร้างสรรค์ ประชาธิปไตย” เนื่องในโอกาสวันแรงงานแห่งชาติและวันกรรมกรสากล 2567
นายสมพร มูสิกะ เลขาธิการสภากรรมกรแห่งชาติ กล่าวว่า
เพื่อนกรรมกร ที่รักทั้งหลาย ผู้แทนกลุ่มสาขาอาชีพ ผู้แทนพรรคการเมือง ผู้แทนกลุ่มการเมืองและพี่น้องสื่อมวลชนที่รักและเคารพ เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติและวันกรรมกรสากล ได้เวียนมาบรรจบอีกครั้งหนึ่งในวันนี้ และได้ร่วมกันจัดงาน “ร่วมกันสร้างสรรค์ประชาธิปไตย” กระผมขอกล่าวต้อนรับท่านทั้งหลายในที่นี้และที่อยู่ ทางบ้านด้วยความยินดีอย่างยิ่ง สภากรรมกรแห่งชาติเป็นองค์การมวลชนของกรรมกร มีฐานะกลุ่มผลักดันสร้างประชาธิปไตย อันเป็นภารกิจประวัติศาสตร์ แบ่งยุคแบ่งสมัย เพื่อสร้างประชาธิปไตยตามแนวทางของพระมหากษัตริย์ตั้งแต่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ตั้งรัฐแห่งชาติและต่อสู้นักล่าอาณานิคม และขยายเสรีภาพในรัชสมัยของพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ประชาธิปไตยและบรรลุการตั้งสภาชั่วคราวเพื่อถ่ายโอนอำนาจเป็นระบอบประชาธิปไตยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทำอำนาจอธิปไตยให้เป็นของ ปวงชน เพื่อสร้างระบอบประชาธิปไตย และนำไปสู่การสถาปนาการปกครองแบบประชาธิปไตย เป็นการสิ้นสุดในการแก้ปัญหาทางการเมืองและจะนำไปสู่การแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมต่อไป
นายสมพร มูสิกะ เลขาธิการสภาแห่งชาติ กล่าวต่อว่า สภากรรมการแห่งชาติได้ประยุกต์แนวทางในสอดคล้องกับระบอบทุนนิยมที่ครอบงำประเทศไทยด้วยการประชุมกรรมกรทั่วประเทศ ณ ลุมพินีสถาน กรุงเทพมหานคร สรุปเป็นแนวทางการแก้ปัญหา ของชาติของกรรมกรไทย และกองทัพแห่งชาติได้ออกคำสั่งที่ 66/2523 เพื่อสร้างประชาธิปไตย ในขั้นตอนที่ 1 ขยายเสรีภาพเพื่อยุติปัญหาสงครามกลางเมืองกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยได้สำเร็จ และสถาปนาอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนเพื่อสร้างการปกครองแบบประชาธิปไตย พี่น้องกรรมกรที่รักทั้งหลาย กรรมกรและนายทุนเป็นพลังอิสระ 2 อาชีพที่เกิดขึ้นหลังจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมในประเทศอังกฤษ ทำให้นายทุนเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต กรรมกรเป็นพลังการผลิตในทางเศรษฐกิจร่วมกันสร้างระบบทุนนิยม ในทางการเมืองร่วมกันสร้างการปกครองแบบประชาธิปไตย ดั่งประเทศอังกฤษที่ได้ทำสำเร็จแล้วและในยุโรปต่อมาในเอเชีย เช่นประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น ทำให้การสร้างสรรค์โลกยุกต์ใหม่อยู่ในเมืองของกรรมกรและนายทุน ประเทศไทยก็หนีไม่พ้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องร่วมกันสร้างสรรค์ประชาธิปไตยโดยร่วมกันผลิตและร่วมกันปกครองตามประเทศประชาธิปไตยทั้งหลาย แต่กรรมกรไทยไม่ได้ปฏิบัติภารกิจประวัติศาสตร์ดังกล่าวอย่างเข้มแข็ง จึงทำให้กรรมกาตกเป็นเครื่องมือของนายทุนและรักษาระบอบเผด็จการนี้ไว้ และครั้งหนึ่งเกือบจะตกเป็นแนวร่วมของคอมมิวนิสต์ แต่กรรมกรไทยต้องการประชาธิปไตยได้ร่วมกับกองทัพแห่งชาติยึดถือแนวทางสร้างประชาธิปไตย จึงไม่ตกเป็นคอมมิวนิสต์ จึงเหลือภารกิจในยุกต์ทุนนิยมที่พัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหรือยุคไอทีที่ต้องสร้างการปกครองแบบประชาธิปไตยอย่างเร่งด่วน มิฉะนั้นจะเกิดระบอบเผด็จการที่ร่วมศูนย์ทุนกระชับรวมศูนย์อำนาจเป็นลัทธิฟาสซิสต์ และเศรษฐกิจจะเป็นแบบประชานิยมจะเกิดผลเสียหายกับประเทศและประชาชน จึงเป็นภารกิจของกรรมกรไทยที่จะต้องร่วมกันสามัคคีกันต่อสู้เพื่อสร้างทุนนิยมและสร้างประชาธิปไตย ดังคำขวัญของสภากรรมกรแห่งชาติ “นายทุนกรรมกรสามัคคีกันสร้างสรรค์ประชาธิปไตย”
ในสถานการณ์ปัจจุบันนักเลือกตั้งและนักรัฐประหารได้ร่วมมือกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวเพื่อรักษาระบอบเผด็จการอันเป็นอำนาจของคนส่วนน้อยที่จะล่มสลายในเร็ววันเพราะไม่สามารถจะดำรงอยู่ได้อีกแล้วตลอดระยะเวลา 92 ปี การร่วมมือดังกล่าวไม่สามารถจะรักษาระบอบอำนาจของคนส่วนน้อยไว้ได้ และไม่สามารถต่อสู้แนวทางาสากลหรือแนวทางสาธารณรัฐได้ มีประการเดียวเท่านั้น ต้องเป็นไปตามนายกเศรษฐา ทวีสิน ที่ได้กล่าวไว้ในวันเด็ก พ.ศ.2567 ว่าร่วมกันสร้างประชาธิปไตยก็หมายถึงต้องร่วมกันสร้างกับกรรมกรที่มีแนวทางถูกต้องเท่านั้นถึงจะฝ่าวิกฤตนี้ไปได้ แต่ท่านนายกเศรษฐา ทวีสิน ไม่ได้ไปกล่าวเช่นนี้กับกรรมกรที่ลานคนเมืองว่าจะร่วมมือกับกรรมกรสร้างประชาธิปไตย ทำให้สถานะทางการเมืองของท่านไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาวิกฤติชาติได้อย่างแน่นอน
ไม่มีทางอื่นอีกแล้วที่เป็นทางออกของชาตินอกจากร่วมกันสร้างสรรค์ประชาธิปไตยแก้ปัญหาพื้นฐานของชาติคือสร้างระบอบประชาธิปไตยและนำไปสู่การปกครองแบบประชาธิปไตยตามกฎเกณฑ์ของรัฐสมัยใหม่ โดยตั้งการปกครองเฉพาะกาลหรือรัฐบาลเฉพาะกาลในระยะเปลี่ยนผ่านนำไปสู่ทางออกของชาติตามแนวทางของพระมหากษัตริย์ไทยเท่านั้น อนึ่ง ประเทศไทยนั้นเป็นประเทศรักสันติมีแนวทางสร้างสรรค์ติภาพโลก โดยประสานประโยชน์กับทุกชาติ รักความเป็นไทย และอหิงสา จึงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายทุกกลุ่มที่เกิดสงครามตามภูมิภาคต่าง ๆ รวมทั้งสงครามกลางเมืองด้วยให้หันกลับมาพิจารณาแนวทางของไทยและประเทศไทยจะเป็นแบบอย่างของประเทศทั้งหลายและเกิดสันติภาพโลกที่แท้จริง เกิดสันติสุข
พี่น้องกรรมกรทั้งหลายครับ และผู้เข้าร่วมงานในวันนี้ นี้คือแนวทางซึ่งเป็นทางออกของชาติอย่างแท้จริง และจะยุติปัญหาพื้นฐานของชาติให้เสร็จสิ้นไปด้วยการทำอำนาจอธิปตไยให้เป็นของปวงชนและสร้างการปกครองแบบประชาธิปไตยให้แล้วเสร็จตามแนวทางที่ได้กราบเรียนมาแล้ว จึงขอให้ท่านทั้งหลายมีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงจะได้ร่วมกันต่อสู้ต่อไป นายสมพร มูสิกะ เลขาธิการสภากรรมกรแห่งชาติ ได้กล่าวทิ้งท้าย ...