นายโสฬส อุดมสมปอง ประธานชมรมศิษย์เก่านักฟุตบอลสุทธิวราราม พร้อมด้วยอดีตนักเตะ “สิงห์สะพานปลา”, ชมรมครู-อาจารย์โรงเรียนวัดสุทธิฯ และ พ่อแม่-ผู้ปกครองนักเตะชุดปัจจุบัน ได้จัดงานฟุตบอลนัดพิเศษ “มุทิตาจิต พี่เฉลียว พุ่มไสว” ขึ้นมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อสมทบทุนช่วยเหลืออาการเจ็บป่วยของ “ป๋าเหลียว” นายเฉลียว พุ่มไสว อดีตผู้จัดการทีมฟุตบอลโรงเรียนวัดสุทธิฯ ในยุครุ่งเรืองเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว และในฐานะอดีตผจก.ทีมเยาวชนทีมชาติไทย ที่มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับโรคประจำตัวหลายอย่างรุมเร้าทั้ง เบาหวาน, ความดัน, หัวใจ และ โรคไต จนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งอย่างเร่งด่วนเมื่อเดือนที่ผ่านมา จนเวลานี้อาการต่างๆเริ่มดีขึ้นตามลำดับ และสามารถออกมาพักรักษาตัวที่บ้านเกิดจังหวัดเพชรบุรีได้แล้ว แต่ยังคงมีค่าใช้จ่ายต่างๆในแต่ละวันโดยเฉพาะยาที่ต้องรับประทานอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ทางชมรมศิษย์เก่านักฟุตบอลสุทธิฯ จัดงานดังกล่าวขึ้นมาพร้อมเชิญชวนอดีตนักเตะช่วยกันสมทบทุนกันตามกำลังของแต่ละคน
สำหรับการจัดฟุตบอลนัดพิเศษครั้งนี้มีขึ้นที่โรงเรียนวัดสุทธิฯ ถนนเจริญกรุง เป็นการดวลแข้งกันระหว่าง อดีตนักฟุตบอลสุทธิฯ กับ บรรดาพ่อแม่-ผู้ปกครองนักฟุตบอลชุดปัจจุบัน โดยมี “แม่วี” อาจารย์ทวี พิมสาร อดีตครูที่ปลุกปั้นฟุตบอลโรงเรียนวัดสุทธิฯมาตั้งแต่ยุคแรกเมื่อปี 2533 พร้อมด้วย
ออาจารย์ภิมุข ชัยชนะ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาฯ ร่วมเป็นสักขีพยานท่ามกลางบรรยากาศแบบอบอุ่นและเป็นกันเอง ก่อนจะนำยอดเงินที่ได้รับบริจาคมาทั้งหมด จำนวน 76,550 บาท จาก 3 ส่วน คือ ชมรมศิษย์เก่านักฟุตบอลสุทธิฯ / ครู-อาจารย์โรงเรียนฯ และ พ่อแม่-ผู้ปกครองฯ ที่เสียสละเวลาและทุนทรัพย์ส่วนตัวมาทำอาหารหลากหลายชนิดให้กับน้องๆนักฟุตบอลกว่า 100 คนได้รับประทานร่วมกันอย่างมีความสุข ไปมอบให้กับ นายเฉลียว ต่อไป
“แม่วี” อ.ทวี เปิดเผยว่า ต้องขอขอบคุณทุกๆคนที่มาร่วมงานในครั้งนี้ และคนที่บริจาคเงินมาช่วยเหลือ นายเฉลียว ด้วย ที่ยังรักและเห็นความสำคัญอดีตผจก.ทีมคนนี้อยู่ สมัยก่อนตอนที่ นายเฉลียว มีสุขภาพดีๆ และมีหน้าที่การงานใหญ่โต คือ เป็นเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร เคยได้รับบทบาททำหน้าที่เป็น ผจก.ทีมฟุตบอลโรงเรียนวัดสุทธิฯ ในฐานะที่เขาเองเป็นศิษย์เก่า ได้ทุ่มเททั้งกำลังกายและกำลังทรัพย์ไปอย่างมหาศาลมาก เรียกได้ว่า น่าจะหมดเงินไปกับการทำทีมฟุตบอลโรงเรียนถึง 8 หลัก จนสามารถพาทีมฟุตบอลวัดสุทธิฯ จากโนเนม ขึ้นมาผงาดอยู่บนชั้นแนวหน้าลูกหนังขาสั้นของเมืองไทยเลยทีเดียว ยุคนั้นนักเตะจากค่าย “สิงห์สะพานปลา” พาเหรดติดทีมชาติไทย และเล่นให้กับสโมสรดังต่างๆมากมาย อาทิ รุ่งโรจน์ สว่างศรี, ปฏิภาณ เพชรกูล, สุริยา ดอมไธสง และ วิทยา หมัดหลำ ฯลฯ กระทั่ง นายเฉลียว ได้ขยับไปทำทีมฟุตบอลให้กับม.เกษมบัณฑิต และ ทีมศุลกากร ต่อยอดให้กับนักเตะโรงเรียนไปเล่นให้กับสโมสรใหญ่ๆ สร้างชื่อเสียงให้สถาบัน รวมไปถึงการสร้างเงินและความมั่นคงในหน้าที่การงานให้กับนักเตะวัดสุทธิฯอย่างมากมาย เรียกได้ว่า ยุคที่ “ป๋าเหลียว” เข้ามาทำทีมฟุตบอลนั้น คือ ยุคทองของนักเตะวัดสุทธิฯอย่างแท้จริง จนกระทั่งเขาเกษียนอายุงานรัฐวิสาหกิจก็กลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดเมืองเพชรบุรี ทุกปีหากไม่ติดงานอะไร นายเฉลียว จะมาร่วมงานแสดง “มุทิตาจิต” ของพี่ๆน้องๆศิษย์เก่าประจำทุกปี ล่าสุดรู้ข่าวว่า นายเฉลียว ป่วยหนักค่อนข้างตกใจและเป็นกังวลมาก เพราะถือว่า เป็นลูกศิษย์ที่รักมากๆคนหนึ่ง โดยเฉพาะความทุ่มเทเสียสละของเขาให้กับเด็กๆนักฟุตบอล จนหลายคนได้ดิบได้ดีเพราะการสนับสนุนจากผู้ชายคนนี้ ส่วนตัวต้องขอบคุณทุกๆคนที่มีส่วนร่วมในครั้งนี้
ขณะที่ นายโสฬร กล่าวว่า สิ่งที่ทางชมรมศิษย์เก่าฯได้ทำขึ้นมาในครั้งนี้ หากเปรียบเทียบกับความเสียสละและความทุ่มเทของ นายเฉลียว หรือกำลังทรัพย์ต่างๆที่พี่เขาดูแลน้องๆนักบอลเป็น 100 คนแล้ว แถมยังเป็นเวลานานหลายปี มันยังห่างไกลกันมาก เพราะหลายปีที่ “ป๋าเหลียว” ดูแลเด็กๆทุกคนจนได้ไปสู่ความสำเร็จทั้ง เรื่องการศึกษา และการเป็นนักเตะอาชีพ มันคือ ความสุขที่แท้จริงไม่สามารถเอาอะไรมาเปรียบเทียบ หรือประเมินเป็นมูลค่าได้ มันอยู่ที่จิตใจของ นายเฉลียว ที่เสียสละให้กับน้องๆและโรงเรียนวัดสุทธิฯ มากกว่า ทั้งนี้เมื่อพี่ของพวกเราป่วยไม่สบาย พวกเราทุกคนจึงรวมตัวกันเพื่อระดมเงินช่วยเหลือไม่มากก็น้อย เพื่อหวังว่า “ป๋าเหลียว” จะหายดีและกลับมาแข็งแรงโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ส่วนตัวต้องขอบคุณครูในโรงเรียนฯ และ บรรดาพ่อแม่-ผู้ปกครองชุดปัจจุบันที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมจนทำให้งานดังกล่าวสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พร้อมหวังว่า ในอนาคตหากทางชมรมฯมีกิจกรรมกีฬาดีๆแบบนี้ขึ้นมาอีกจะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายเช่นเดิม เพื่อเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม โดยเฉพาะน้องๆนักเตะ “สิงห์สะพานปลา” คนที่เรียนจบไปแล้วอยากให้กลับมาช่วยเหลือโรงเรียนบ้าง หรือ รวมตัวกับพวกพี่ๆทางชมรมศิษย์เก่าฯ ช่วยงานต่างๆตามวาระอันควร เนื่องจากทุกคนส่วนใหญ่มาจากต่างจังหวัด และมีจุดเริ่มต้นที่เหมือนกันคือ “ชมพูขาวเขียว” ด้วยการเอาฟุตบอลเป็นใบเบิกทางสู่ความสำเร็จ จึงอยากให้ทุกคนจับมือกันไว้และช่วยเหลือโรงเรียนของตัวเองต่อไป นอกจากนี้ก็ต้องขอบคุณ “ผอ.ยะ” ดร. อัฏฐ ผล ถิรพรพงษ์ศิริ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสุทธิฯ ที่ให้การเอื้อเฟื้อเรื่องสถานที่และคอยให้การสนับสนุนด้านต่างๆเด็กทุกคนเป็นอย่างดีในโควต้าพิเศษนักกีฬา ส่วนเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้รับมานั้นจะทำการโอนเข้าไปยังบัญชีธนาคารของ นายเฉลียว พุ่มไสว ให้เรียบร้อยเพื่อไว้ใช้จ่ายต่อไปในอนาคต
—————————