(16 ก.ย.65)นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงนายวัชระ กรรณิการ์ รองเลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย ออกมาตอบโต้ตนพร้อมกับให้ส่องผลงานรมว.พรรคประชาธิปัตย์ แล้วบอกว่าเห็นใจที่ออกมาพูดแบบฝืนความรู้สึกเพราะความจริงมันเจ็บปวด รวมทั้งบอกว่าสมคิดเป็นดาวฤกษ์การเมืองดวงใหญ่ที่สุดนั้น
ตนเห็นใจนายวัชระ กรรณิการ์ ที่เฮียกวงสั่งให้ออกมาพูดแต่ประชาชนจะเชื่อหรือไม่ การออกมาพูดถึงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย เพราะนายสมคิดมาพูดเสียดสีพาดพิงถึงพรรคประชาธิปัตย์ ตนก็มีสิทธิ์ที่จะตอบโต้ไม่ใช่หรือไม่ใช่ทาสที่จะด่าว่าตามใจชอบแล้วนั่งนิ่งปิดปากนิ่งเฉย
ตนพูดตามความจริงในประวัติศาสตร์การเมืองที่ผ่านมา
นายสมคิดเป็นรองนายกรัฐมนตรีดูแลด้านเศรษฐกิจตั้งแต่ยุคนายทักษิณ ชินวัตรจนถึงยุคพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถ้าเก่งจริงคนจนต้องหมดประเทศในปี2018หรือพ.ศ.2561ตามที่นายสมคิดประกาศไปแล้ว
นายวัชระ เพชรทอง ระบุว่า "คนเราสำคัญที่คำพูด พูดแล้วทำได้หรือไม่ ทั้งที่ใช้เงินภาษีอากรของประชาชนไปนับล้านๆบาท คนไทยยังจนกันถ้วนหน้า นอกจากคนจนจะไม่ได้หมดไปตามคำประกาศของนายสมคิดแล้ว แต่คนไทยกำลังเป็นคนจนไปทั้งประเทศแล้วยังมา
บอกว่าเป็นดาวฤกษ์การเมืองดวงใหญ่ที่สุด จึงยังเป็นที่คาใจของพี่น้องประชาชนอยู่จนทุกวันนี้ นายสมคิดดูถูกส.ส.ใต้ว่าเป็นส.ส.หรือเสาไฟฟ้า แล้วที่ไปเป็นลูกพรรคท่าน ท่านคุยกับเสาไฟฟ้ารู้เรื่องหรือ ท่านชวนเสาไฟฟ้าไปอยู่ด้วยทำไม ถ้าไม่มีคุณค่า"
ส่วนประเด็นที่นายวัชระ กรรณิการ์ ถามเรื่องผลงานรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายวัชระ เพชรทอง ชี้แจงว่า มีผลงานเรื่องประกันรายได้เกษตรกรพืช5ชนิด คือ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์ม ข้าวโพด รวม 7.85 ล้านครัวเรือน โครงการรถโมบายก.พาณิชย์ขายสินค้าราคาถูกลดค่าครองชีพให้ประชาชน ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด หรือนโยบายการรังวัดออกโฉนดที่ดินให้ชาวบ้านนับหมื่นๆแปลงทั่วประเทศของนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรมช.มหาดไทย และมีผลงานอื่นๆอีกหลายกระทรวง นายวัชระ กรรณิการ์ไม่ต้องมาช่วยพูดเพราะนายสมคิดหรือเฮียกวงไม่ได้สั่ง ทั้งนี้ตนไม่ได้กลัวนายสมคิดหรือพรรคใด เพราะคำตอบอยู่ที่ประชาชน หากประชาชนพิพากษาทั้งวัชระ เพชรทองและวัชระ กรรณิการ์ แม้อยู่กันคนละพรรค หากประชาชนพึ่งได้และไว้วางใจ ก็อาจได้พบกันในสภาฯแต่สำหรับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ไม่ใช่ดาวฤกษ์การเมืองดวงใหญ่ที่สุดอย่างแน่นอน
แต่จะเป็นดาวอะไรให้ถามพี่น้องประชาชนทั่วไปจะดีกว่าว่าเป็นความหวังแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ประชาชนได้หรือไม่ เพราะผลงานที่ผ่านมาประชาชนเห็นหมดจดแล้ว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
